นอกรอบ
วง Retrospect แต่ละคนเคยผ่านเวทีประกวดทางดนตรีมาทั้งสิ้น...- บอม (เบส) และเพื่อนๆจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ เคยผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ถึง 2 ครั้ง ใน Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งในขณะนั้นศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครั้งต่อมาก็ ม.3 ซึ่งเป็นวงอายุน้อยที่สุดในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันที่ผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย
- น๊อต (กีต้าร์) พร้อมเพื่อนจากจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ ก็เข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 5
- แน็ป (นักร้อง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 6
- เบิร์ท (กลอง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 7 ตามหลังแน็ปมา 1 ปี พอดิบพอดี
ก่อตั้งวง
วง Retrospect เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2544 โดยมีบิ๊กพี่ชายของมือเบสเป็นแกนหลักด้วยการทำเพลง แนว Industrial Metal และมีแน็ปเป็นผู้เขียนโปรแกรมจำลองเสียงกลองและบันทึกเสียง หลังจากนั้นบอม (มือเบส) และน๊อต (มือกีตาร์) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก สมาชิกในยุคแรกจึงมี แน็ป (กลอง-ร้องนำ) บิ๊ก (กีตาร์) บอม (เบส) และน็อต (กีตาร์)ดนตรีของวงช่วงแรกเป็นดนตรีแนว Metal Core ที่ค่อนข้างหยาบกระด้างและมีกลิ่นอายของ nu metal ดิบและรุนแรง พวกเขาเริ่มเล่นตามงานเล็ก ๆ ต่าง ๆ ได้สักพัก จึงรับสมัครมือกลองเพิ่ม จนกระทั่งแน็ปได้พบกับเบิร์ธเพื่อนสมัยประถม ซึ่งเป็นมือกลองที่เคยประกวดที่ต่าง ๆ แน็ปจึงชวนให้สมัครเป็นมือกลอง และได้รับการคัดเลือก ต่อมามือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้ Retrospect เหลือสมาชิกเพียง 4 คน
เริ่มเป็นที่รู้จัก
กลางปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้ออก E.P. ชุดแรก โดยการชักชวน และแนะนำจาก สยาม ชุมทอง (ต้น Dezember) โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า E.P. For Your Ears Only โดยทางวงแต่งคำร้อง ทำนอง เรียบเรียงเสียงประสาน ตลอดจนบันทึกเสียง ออกแบบปก แผ่นซีดี และสกรีนแผ่นเองเป็นจำนวน 150 แผ่น เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกที่งาน Territory Metal Fest ในงานนี้สมาชิกได้พบกับวง Bikini ซึ่งเป็นที่มาของ Screamlab กลุ่มดนตรีที่มาจากการรวมตัวของวงดนตรี 4 วง ประกอบไปด้วย Bikini Retrospect Housetrap และ Sweet Mulletก้าวสู่ค่ายใหญ่
ปลายปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้รับคัดเลือกให้ไปเล่นคอนเสิร์ตในงาน Fat Festival ครั้งที่ 3 ทางวงจึงวางแผนที่จะนำอัลบั้ม E.P. ที่วางขายเมื่อปีที่ผ่านมามาจำหน่ายอีกครั้ง และเพิ่มเพลงพิเศษหนึ่งเพลง ใช้ชื่อว่า E.P. For Your Ears Anytime จำนวน 150 แผ่น ระหว่างที่ทางวงออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตในที่ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็มีค่ายเพลงมาทาบทามให้ไปร่วมเซ็นสัญญาอยู่บ้าง แต่มีเงื่อนไขว่าวงอาจต้องลดความดุดัน และความรุนแรงลง ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะเป็นการเสียเอกลักษณ์ในการทำดนตรีของวง พวกเขาจึงตั้งใจผลิตผลงานเพลงและออกแสดงคอนเสิร์ตต่อไป และจากการแนะนำของ เต๋า นักร้องนำวง Sweet Mullet พวกเขาจึงได้พบกับพี่โน่ ดนัย ธงสินธุศักดิ์ โปรดิวเซอร์ค่ายจีนี่ เร็คคอร์ด ซึ่งทางเขากำลังมองหาวงดนตรีแนวทางใหม่ๆ และเพลงนอกกระแสหรือเรียกว่า Underground ให้ได้มีผลงานในค่ายใหญ่ จึงเริ่มทำ Demo นำเสนอต่อทางค่าย และได้เซ็นสัญญากับ Genie-Records (จีนี่ เร็คคอร์ด) ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2547 และได้ออกซิงเกิ้ล "ไม่มีเธอ" อัลบั้มรวมศิลปินใน Show room vol.1 ถือว่าเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น และเป็นเหมือนผลงานสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง..Retrospect ออกอัลบั้มครั้งแรก ในชื่อ อัลบั้มว่า Unleashed (อันลีชด์) เมื่อปี พ.ศ. 2550 ซึ่งนำดนตรีที่เรียกว่าแนวเมทัลคอร์มานำเสนอให้แก่สายตาประชาชนชาวไทยซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะถือเป็นวงเมทัลคอร์ไทยวงแรก ที่นำเอาวัฒนธรรมคอนเสิร์ต แบบที่เรียกว่า Hardcore Dancing มาเผยแพร่ ซึ่งทำให้กลุ่มแฟนเพลงของพวกเขาแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จาก Retrorian กลุ่มเล็กๆ ออกไปสู่แฟนเพลงทั่วประเทศ และหลังจากที่พวกเขาออก อัลบั้ม Unleashed เพลงที่รู้จักกันดีในอัลบั้มนั้นได้แก่ เพราะว่ารัก ปล่อยฉัน เปลือก ไม่มีเธอ สุดที่รัก พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นปรากฏการณ์อย่างนึงเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเพลง "ปล่อยฉัน" บทเพลงแรกที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างรุนแรงจากแฟนเพลงที่ร่วมโหวตทำให้ ฮิตทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 คลื่นวิทยุ Hot 91.5 และ Seeds 97.5 อย่างรวดเร็วถึง 2 ชาร์ตพร้อมกันและยาวนานติดต่อกันถึง 3 อาทิตย์รวด ด้วยค่านิยมแบบการแต่งตัวที่ทำให้เด็กวัยรุ่นในช่วงนั้นนิยมใส่เสื้อสีดำและเสื้อลายสก็อต ทำให้เสื้อลายสก็อตขาดตลาดไปพักนึงเลยทีเดียว ด้วยทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ แนวดนตรีที่ไม่ค่อยมีกลุ่มคนเล่นกันในวงกว้างและดูน่าสนใจ เลยทำให้มีแฟน Retrorian เป็นจำนวนมาก มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของอัลบั้มแรกในเวลาต่อมาไม่นาน กับ "Retrospect The First Concert"
MRD#2 "The Brand New Blood" เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ถือว่า Retrospect เป็นศิลปินหลักในการขึ้นโชว์ ร่วมกับพี่น้องศิลปินสายเลือดใหม่อีกสี่วง Sweet Mullet, Klear, No More Tear
ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตไปด้วย ก็ได้แต่งเพลง ทำเพลงกันไปด้วย จนกลางปี พ.ศ. 2551 พวกเขาก็ได้ออก อัลบั้มใหม่นั้นก็คืออัลบั้ม Rise (ไร๊ส์) และเปิดตัวอัลบั้มที่สองด้วยซิงเกิ้ล แรกก็คือเพลง แค่นิยาย ในอัลบั้มที่สองมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางดนตรีเพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ที่ทางวงตั้งใจไว้และเชื่อมโยงกับชื่ออัลบั้ม Rise ที่แปลว่า "การทอแสง" เพลงที่เป็นที่นิยมในอัลบั้มนี้ได้แก่ แค่นิยาย กลับมา ร้องให้พอ ซึ่งได้มีแขกพิเศษมาร่วมงานในอัลบั้มนี้ด้วย เช่น ดา (ธนิดา ธรรมวิมล) Endorphine, ยอด Bodyslam, Vietrio หลังจากออกอัลบั้ม Rise ได้ไม่นาน กระแสตอบรับค่อนข้างดีจนได้มีโอกาสเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สอง "Retrospect Rise Now!! Concert"
ต่อมากับอัลบั้ม Project "PLAY" พ.ศ. 2552 เป็น อัลบั้มพิเศษของทาง Gmm Grammy ที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลอง 25 Gmm Grammy โดยอัลบั้มนี้จะอยู่ในหมวดของ Rock โดยให้แต่ละศิลปินได้เลือกเพลงเก่าของตำนานของ Gmm Grammy มา Cover ใหม่ ให้เป็นแนวของศิลปินเอง โดยทางวงได้เลือกเพลง ละคอนฉากสุดท้าย ของ นันทิดา แก้วบัวสาย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา Retrospect ก็ได้ถูกจับตามองโดยทีมงานการจัดงาน "วัคเค่น" (Wacken Open Air) หรือ "W:A" และถูกเทียบเชิญให้ไปเล่นในงาน Wacken2009 ช่วงปลายเดือนกรกฏาคม 2552 ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญในกาีรทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น มีแฟนเพลงที่เป็นชาวต่างชาติ และได้สร้างความภาคภูมิใจ นำธงชาติไทยไปโบกสะบัดอย่างสง่างามบนเวที ท่ามกลางฝูงชนที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก
มีนาคม พ.ศ. 2553 Retrospect ได้ปล่อยซิงเกิ้ลแรกในอัลบั้มที่ 3 ออกมา "ศรัทธาแห่งรัก" ด้วยแนวเพลงที่เปลี่ยนไปอย่างมาก นำเสนอแนวเพลงในยุค 80 - Rock'n Roll โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการนำเพลงในช่วงนั้นกลับมาให้เด็กวัยรุ่นในยุคนี้ได้รู้จักเพลงร็อคเก่าๆ กันอีกครั้ง ด้วยท่วงทำนองที่ไม่คุ้นหูเลยทำให้เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง ในช่วงปลายปี Retrospect ได้ฤกษ์วางแผงอัลบั้มอีกครั้ง กับอัลบั้ม The Lost souls (เดอะล๊อสโซลส์) เพลงที่เป็นที่นิยมได้แก่ ศรัทธาแห่งรัก, คือเธอใช่ไหม, รบกวนจำใส่ใจ, ให้โลกรู้ Feat. ปู Black head, กอดตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น